Translate

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ภูเขาไฟฟูจิ




Fujisan



...เรื่องราวของภูเขาไฟฟูจิน่าสนใจมาก ภูเขาฟูจิเป็นสุดยอดแห่งสัญลักษณ์ความงามของประเทศญี่ปุ่นมาเป็นเวลาช้านาน ในญี่ปุ่นภูเขานี้ "หาที่เปรียบมิได้" งดงามเสมอทุกฤดูกาลและทุกชั่วยาม งามแปลกตาไม่ว่าจะมองจากมุมใด ภูเขานี้สูงถึง 3,776 เมตร ภูเขาฟูจิผุดขึ้นในที่ราบซึ่งอยู่เกือบระดับเดียวกับน้ำทะเล วันใดอา


กาศแจ่มใสจะเห็นภูเขาได้จากที่ไกลออกไปถึง 80 กม. ยามหมอกจางลงหลังตะวันขึ้น ตัวภูเขาจะปรากฏให้เห็นท่ามกลางชนบท คาบสมุทร เกาะ และมหาสมุทรแปซิฟิก ภูเขาฟูจิมีสันเขาลาดจากยอดลงมาเป็นมุม 45 องศา แล้วแผ่ออกไปก่อนถึงพื้นดิน ตรงจุดนี้รอบภูเขาฟูจิจะเป็นวงกลมเกือบสมบูรณ์ มีเส้นรอบวงถึง 126 กม. ในส่วนโค้งบริเวณลาดเขาด้านเหนือมีทะเลสาบห้าแห่ง

ช่วงฤดูใบไม้ผลิเมื่อไม้ผลและต้นอะเซเลียเริ่มผลิดอก ทั่วทั้งบริเวณจะมีสีสันสดสวยมาก ฤดูใบไม้ร่วงก็งดงามเช่นกัน ป่ายุคกึ่งดึกดำบรรพ์รอบๆทะเลสาบทั้งห้า จะโชติช่วงด้วยสีแดงเพลิง แล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนแก่หลายต่อหลายสี ภาพอันงดงามที่สุดของภูเขาฟูจิก็ดูได้จากบรรดาทะเลสาบที่ติดต่อถึงกันเหล่านี้ ท้องน้ำสงบนิ่งในทะเลสาบจะสะท้อนให้เห็นเงาส่วนอันสมมาตรของภูเขา ทะเลสาบเหล่านี้เกิดจากภูเขาไฟเช่นเดียวกับภูเขาฟูจิ

ที่ราบกว้างรอบ ๆ ภูเขาฟูจิเคยมีภูเขาไฟระเบิดอย่างหนักหน่วง ภูเขาไฟนี้ระเบิดเมื่อประมาณ 300,000ปีก่อน พ่นลาวาออกมาจากใจกลางโลก สารที่ทะลักออกมาจากกรวยภูเขาไฟมากมายช่วยปรับรูปทรงของภูเขาฟูจิจนเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ภูเขาฟูจิระเบิดครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.800 และครั้งหลังสุด( ปัจจุบันภูเขาฟูจิยังไม่ดับ เพียงแต่สงบอยู่เท่านั้น ) เมื่อปีค.ศ. 1707 ความสำคัญพิเศษของภูเขาฟูจิในสำนึกของชาวญี่ปุ่นและจินตนาการเกี่ยวกับภูเขานี้คงจะเกิดจากการตระหนักว่า "ความงามนี้อาจไม่ยืนยง" ตามที่เชื่อกันมา ภูเขานี้อุบัติขึ้นในชั่วเวลาเพียงข้ามคืน ดังนั้นในวันใดวันหนึ่งก็อาจจะสิ้นสลายเป็นลูกไฟไปได้ในพริบตาได้เช่นกัน...

ภูเขาไฟฟูจิหรือฟูจิซังที่คนญี่ปุ่นเรียกกันนั้นถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ใครมาถึงญี่ปุ่นแล้วจะต้องหาโอกาสไปชมให้ได้ มาตอนนี้ขอเล่าถึงเรื่องราวการท่องเที่ยวเพื่อยลโฉมฟูจิซังก็แล้วกัน
ตามที่ได้บอกไว้ว่า รอบๆฟูจิซังจะมีทะเลสาบอยู่ห้าแห่ง ทะเลสาบที่ค่อนข้างมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวกันมากที่สุดก็คือทะเลสาบที่ชื่อว่าฮาโกเนะ ซึ่งบริเวณนั้นจะมีจุดท่องเที่ยวหลายๆแห่งให้เราแวะเข้าไปเที่ยวชม และมีกิจกรรมต่างๆมากมายให้ทำนอกเหนือไปจากการมองเห็นฟูจิซังแบบใกล้ๆเต็มๆตา อย่างเช่นการนั่งเรือข้ามทะเลสาบ นั่งโรปเวย์ข้ามภูเขา นั่งรถราง มีพิพิธภัณฑ์ มีเหมืองแร่ และน้ำพุร้อนที่สามารถต้มไข่ให้สุกได้ การเดินทางจากโตเกียวไปยังฮาโกเนะก็ไม่ยากเลยค่ะ มีทั้งรถไฟ รถบัส แต่ทางที่สะดวกก็คงจะเป็นรถไฟซึ่งมีตลอดเวลา และตรงเวลาเป็นที่สุด เรามักจะใช้เวลาเดินทางกันจากในเมืองก็ประมาณ 2-3 ชม.โดยรถไฟ เนื่องจากค่อนข้างไกลจากตัวเมือง ค่ารถไฟก็ค่อนข้างแพงกระฉูดทีเดียว แต่เค้าจะมีตั๋วแบบเป็นชุด กำหนดให้เราใช้ได้ในเวลาที่กำหนด และสามารถใช้ขึ้นรถไฟ รถราง โรปเวย์ รถบัส และลงเรือที่นั่นได้ ก็เป็นการท่องเที่ยวตามสไตล์ญี่ปุ่นทุกอย่างเป็นไปตามเส้นทางตามแผนที่กำหนด
ฤดูที่น่าไปเที่ยวเพื่อจะได้เห็นฟูจิซังแบบสวยๆ ชัดๆ ก็มีหลายฤดู ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงน่าจะเป็นช่วงที่น่าไปที่สุด เพราะอากาศดี ไม่หนาวเกินไป และยังได้เห็นต้นไม้ ดอกไม้สวยๆ (ในฤดูใบไม้ผลิ) หรือภูเขาทั้งภูเขาที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสีแดง (ในฤดูใบไม้ร่วง) ถ้าไปฤดูร้อน อากาศจะร้อนมาก แถมฟูจิซังยังไม่ค่อยสวยซะด้วย เพราะว่าหิมะที่ปกคลุมนั้นละลายไปหมดแล้ว จะเห็นฟูจิซังเป็นสีน้ำตาลทั้งลูกไม่ว่าจะไปฤดูไหนก็ตามสิ่งที่ต้องระวังอีกอย่างก็คือต้องเลือกวันที่อากาศดีๆ แบบไม่มีเมฆเลยยิ่งดี เพราะถึงแม้จะเข้าไปใกล้แล้ว แต่ว่าถ้าท้องฟ้ามีเมฆ ก็อาจจะไม่เห็นภูเขาไฟก็ได้ เฮ่อ ขี้อายจริงๆเลยเชียว อีก
ทะเลสาบนึงที่คนไปเที่ยวกันเยอะเช่นกัน ก็คือทะเลสาบคาวะคุจิ บริเวณนี้ก็มีที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายเช่นกัน อย่างเช่นบ่อน้ำร้อน หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่าอองเซ็น มีสวนสนุกชื่อฟูจิคิวไฮแลนด์อยู่ใกล้ๆ และบริเวณเดียวกันนี้เอง ที่มีทางรถยนต์ให้เราสามารถขึ้นไปเหยียบบนฟูจิซังได้ ภูเขาทั้งลูกจะถูกแบ่งเป็นระดับชั้นตามความสูง แต่รถยนต์ไม่สามารถขึ้นไปได้ถึงบนยอด จากระดับชั้นที่ห้าขึ้นไปถ้าใครอยากไปต่อ ก็ต้องเดินกันผู้เขียนเคยมีโอกาสนั่งรถยนต์ขึ้นไป ตอนประมาณต้นเดือนพฤษภาคม ตอนนั้นในตัวเมืองอากาศเริ่มจะร้อนแล้ว แต่ตอนขับรถขึ้นไปบนฟูจิซังอากาศเย็นพอสมควร ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาวนั่น ทางรถยนต์ก็ค่อนข้างอันตรายทีเดียว มีหมอกหนามาก ต้องขับช้าๆเพราะเราสามารถมองเห็นได้ในระยะใกล้เพียงไม่กี่เมตร ไปจนถึงจุดสูงสุดที่รถยนต์ไปได้ก็เจอหิมะเพียบเลยตอนนั้นบนฟูจิซังหิมะไม่ตกแล้ว แต่อากาศยังเย็นมากหิมะจึงไม่ละลาย นับว่าเป็นประสบการณ์นึงที่น่าตื่นเต้นมากทีเดียว
สำหรับถ้าใครอยากจะเดินต่อขึ้นไปจนถึงยอดฟูจิซัง โดยไม่กลัวว่ามันจะระเบิดล่ะก็ เป็นไปได้ แต่เฉพาะในช่วงที่เค้ากำหนดเท่านั้น ก็คือประมาณเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน ที่เค้าอนุญาติให้ขึ้นได้เนื่องจากตอนนั้นเป็นหน้าร้อน อากาศข้างล่างร้อนมาก แต่จากคำบอกเล่าของเพื่อนๆที่ไปพิชิตยอดฟูจิซังมาแล้ว ข้างบนยอดตอนเช้าๆนี่ อากาศหนาวแบบติดลบเลย ต้องแบกเอาเสื้อกันหนาวขึ้นไปด้วย วิธีการขึ้นก็คือ จะต้องเดินขึ้นไปตอนกลางคืนด้วยไฟฉายคนละอัน เพื่อให้ไปถึงยอดในตอนเช้าตรู่ ดูพระอาทิตย์ขึ้น เสร็จแล้วก็เดินกลับลงมา เรียกได้ว่าต้องเดินตลอดตั้งแต่ตอนกลางคืน ยันตอนสายเกือบเที่ยงของอีกวันนึงนั่นล่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น