
ไหมเป็นแมลงประเภทผีเสื้อกลางคืน ที่กิน ใบหม่อนเป็นอาหาร โดยมี ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bombyx mori Linn. ชื่อ สามัญ คือ silkworm วงศ์ Bombicidae การเจริญเติบโตของไหม จะมี การเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างสมบูรณ์ ใน 4 ขั้นตอน คือ ระยะไข่ ระยะตัวหนอน ระยะดักแด้ และระยะผีเสื้อ ตัวหนอนในช่วงสุดท้าย จะพ่นใยไหม เพื่อทำรังห่อหุ้มตัวแล้วลอกคราบกลายเป็นดักแด้ ใยไหมจัดเป็นเส้นใยตามธรรมชาติที่มีความเหนียวมากที่สุด
ลักษณะทั่วไปของไหม
ไหมเป็นแมลงที่มีการเจริญเติบโตแบบวงจรชีวิตสมบูรณ์ (Complete Metamorphosis)คือมีระยะไข่หนอนดักแด้และผีเสื้อซึ่งในแต่ละระยะการเจริญเติบโตนั้นมีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันออกไปไหมสามารถเลี้ยงได้ในทุกภาคของประเทศไทยอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเลี้ยงไหมระหว่าง 26-28 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์ระหว่างร้อยละ 70-85
พันธุ์ที่นิยมในปัจจุบันได้แก่
1.พันธุ์ไหมไทยลูกผสม ได้แก่พันธุ์กสก.2 กสก.6 และดอกบัว
2.พันธุ์ไหมลูกผสมต่างประเทศได้แก่ พันธุ์กสก.1 และกสก.5 นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ที่ผลิตโดยบริษัทเอกชน เช่น พันธุ์จุลไหมไทย พันธุ์จิมทอมสัน
การดูแลรักษา
1. ให้ใบหม่อนที่เหมาะสมกับวัยของหนอนไหม
2. ขยายพื้นที่เลี้ยงไหม
3. โรยสารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดเชื้อ
4. โรยปูนขาวหรือแกลบเผาเพื่อลดความชื้น
5. คัดเลือกรังไหมเพื่อแยกรังดีรังเสียก่อนการจำหน่าย
ระยะเวลาการเลี้ยงไหม
จากไหมแรกฟักจนเป็นรังไหม 24-29 วัน
ระยะเป็นตัวหนอนประมาณ 19-22 วัน
ระยะไหมพ่นเส้นใยทำรังเสร็จประมาณ 2 วัน
ระยะไหมพ่นเส้นใยจนกระทั่งเก็บผลผลิตรังไหมประมาณ 5-7 วัน
จำนวนไข่ไหม/โรงเลี้ยงไหม
-ไข่ไหม 2 กล่อง/โรงเลี้ยงไหมขนาด 6x8 เมตร
-ไข่ไหม 6 กล่อง/โรงเลี้ยงไหมขนาด 8x16 เมตร
ขอบคุณ
ตอบลบสวยมาก ยิ่งตอนดักแด้ก็น่ารักน่ะ
ตอบลบดูขนลุกยังไงไม่รู้น่อ
ตอบลบ